“พาณิชย์” เปิดเทรนด์ส่งออกตอบรับผ้าไทย กางแผนปีนี้ เดินหน้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่

   กระทรวงพาณิชย์ มอบ sacit ดันแฟชั่นผ้าไทยสู่ตลาดโลกต่อเนื่อง หลังเทรนด์ส่งออกเห็นสัญญาณบวก ขึ้นแท่นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการขยายตัวสูงสุดหลายรายการ ตอกย้ำนโยบายรัฐบาลสร้าง Soft Power กางแผนปี 2566 ขยายฐานตลาดสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ 

นายสินิตย์ เลิศไกร 
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายสินิตย์ เลิศไกร กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสความนิยมผ้าไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ จากสถิติการส่งออกภาพรวมในปีที่ผ่านมา พบว่ามูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยรวม 349,034.57 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการขยายตัวมากที่สุด คือ ผ้าคลุมไหล่ และผ้าพันคอ มากถึง 337.32% อีกทั้งในปีก่อนหน้า ผลิตภัณฑ์ประเภทเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากฝ้ายขยายตัวถึง 11.15% โดยมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 21,557.17 ล้านบาท เช่นเดียวกับเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ทำจากวัสดุสิ่งทออื่นๆ ก็มีการขยายตัวสูงถึง 27.87% สร้างมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 20,631.77 ล้านบาท 

อย่างไรก็ดี จากความนิยมผลิตภัณฑ์ผ้าไทยที่เกิดขึ้น ปีนี้กระทรวงพาณิชย์ จึงได้มอบหมายให้ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ sacit วางแผนผลักดันงานศิลปหัตถกรรมในกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าดังกล่าวให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยจะเน้นย้ำสร้างการรับรู้ งานศิลปหัตถกรรมไทย ทั้งในด้านของ ไลฟ์สไตล์ที่ร่วมสมัย ภายใต้กลยุทธ์ “หัตถศิลป์ของชีวิตปัจจุบัน : Today Life’s Crafts” ที่มีการส่งเสริมและต่อยอดเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะผ้าไทยที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการส่งเสริมและพัฒนาดีไซน์ของผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งจะเพิ่มทักษะความสามารถของผู้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ให้ความรู้ด้านการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) เพื่อให้งานศิลปหัตถกรรมไทยสามารถตอบโจทย์ความต้องการ และโดนใจผู้ซื้อมากยิ่งขึ้นต่อไป 

ด้านนายภาวี โพธิ์ยี่ รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันผ้าไทยถือเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ จากการพัฒนา ออกแบบดีไซน์ให้สอดรับกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น sacit จึงคงเป้าหมายในปีนี้ที่จะส่งเสริมให้ผ้าไทยเป็น Soft Power อีกด้านของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาต่อยอดอย่างสร้างสรรค์ สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและเผยแพร่ Soft Power นี้สู่สายตาชาวต่างชาติ โดยในปี 2566 sacit จะเดินหน้าขยายกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้และเพิ่มค่านิยมสินค้าผ้าไทยในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เน้นใช้ช่องทางการตลาด e-Commerce อาทิ sacitshop.com, sacit Shop Application รวมไปถึงมีการขยายและเชื่อมโยงช่องทางการตลาดสินค้างานศิลปหัตถกรรมไทย กับแพลตฟอร์มต่างประเทศ คือ pinkoi.com แพลตฟอร์มที่รวบรวมผลิตภัณฑ์งานคราฟต์ รวมไปถึงสินค้าผ้าไทย เป็นแพลตฟอร์มการค้าของงานหัตถกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเอเชีย อาทิ ไทย จีน ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า และญี่ปุ่น 

นอกจากนี้ ยังมีการดึงกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพล (Key Opinion Leader) ที่สามารถเชื่อมต่อและสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ มาเป็นตัวกลางในการสร้างภาพจำของงานศิลปหัตถกรรมไทยที่ทันสมัยและสามารถใช้งานในชีวิตประจำวัน และมุ่งเน้นเผยแพร่ไปผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่ อาทิ Instagram หรือ TikTok ที่ปัจจุบันเป็นแพลตฟอร์มที่รวม คอนเทนต์สุดไวรัลและทันกระแสทุกเทรนด์ มีผู้ใช้งานในประเทศไทยมากถึง 35.8 ล้านคน ซึ่งจะเป็นการขยายฐานการรับรู้ด้านงานศิลปหัตถกรรมไทยแบบไร้พรมแดน ที่จะทำให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าถึงงานศิลปหัตถกรรมไทย และเกิดการซื้อในโอกาสต่อไป

19 เมษายน 2566


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai