สภาพัฒน์ เปิดฟลอร์พัฒนากรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับใหม่ สกสว. รับลูก พร้อมเชื่อมแผนวิจัยปี 66 – 70

1 เมษายน 2564 คณะผู้บริหารและบุคลากร สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)  ฟอร์มทีมร่วม การระดมความเห็น กรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566 – 2570) ระดับกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1  (พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ตาก) ณ โรงแรมท็อปแลนด์ จ.พิษณุโลก นำโดย รศ.ดร.นพพร ลีปรีชานนท์ ที่ปรึกษาผู้อำนวยการ สกสว.และ ผอ.สำนักและพัฒนากองทุน ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง กลุ่มภารกิจพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม เชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ   และ ดร.ฉัตรฉวี คงดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักกลยุทธ์และพัฒากองทุน   เพื่อร่วมศึกษากระบวนการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระดับพื้นที่ ศึกษาการเชื่อมโยงกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ฉบับปี 2566 – 2570 ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ จัดขึ้น เพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนใน 18 กลุ่มจังหวัด นำมาประกอบการกำหนดกรอบของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 โดยมีนายรณชัย จิตวิเศษ  ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และ นายดนุชา พิชยนันท์  เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้การต้อนรับ
ซึ่งการจัดงานวันนี้ มีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชน นักวิชาการ  เข้าร่วมกว่า 150  คน 

ศาสตราจารย์ ดร.สนิท  อักษรแก้ว ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า สภาพัฒน์ ให้ความสำคัญกับกระบวนการระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนมาก   ผ่านการจัดการประชุมในระดับภูมิภาค 18 กลุ่มจังหวัด เนื่องจากเป็นข้อมูลสำคัญจากความต้องการจริงของพื้นที่   ที่แต่ละภูมิภาคมีบริบทเชิงพื้นที่ และภูมิศาสตร์แตกต่างกัน ในการพัฒนากรอบแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 13  ซึ่งอยู่ในช่วงของแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี  ตลอดระยะเวลาการจัดทำแผนที่ผ่านมา มุ่งเน้นเรื่องการที่ประเทศต้องพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับที่สาธารณรัฐประชาชนจีนมุ่งเน้นเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

ในขณะที่นางสาว จินางค์กูร โรจนนันต์  รองเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ให้ข้อมูลสำคัญถึงแนวทางการพัฒนา ร่างกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13  อาทิ  ภายใน 30 ปี ประชากรของโลกจะอาศัยในเขตเมือง โควิดทำให้จีดีพีโลกปี 2563 ที่ผ่านมา  หดตัว 4.3 % อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 6.5 % และ ชั่วโมงการทำงาน ลดลง สำหรับในไทยจากสถานการ์โควิด ทำให้จีดีพี หดตัว 6.1 % อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 1.9 %   31.6 % ของแรงงานอยู่ในภาคเกษตร แต่สร้างมูลค่าเพิ่มเพียง 6 % ของจีดีพี   นอกจากนี้ โควิด ทำให้เศรษฐกิจไทยเปราะบางขึ้นจากหนี้ครัวเรือน NPLs และหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น  ซึ่งข้อมูลเหล่านี้คือตัวเลขสำคัญส่วนหนึ่ง ที่สภาพัฒน์ทบทวน และนำมาออกแบบกรอบแผนพัฒนาฯ ฉบับดังกล่าว

อนึ่งหลังการประชุมครั้งนี้ คณะทำงานด้านแผนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผน ววน.)   สกสว.  จะได้นำข้อมูล กรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งเป็นแผนระดับ 2 ของประเทศ มาประกอบการจัดทำแผนด้าน ววน. ฉบับปี พ.ศ. 2566 – 2570 ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ต่อไป

1 เมษายน 2564


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai