กูรู ฟันธง! ประกาศเขตปลอดอากร E-Commerce ส่งผลบวกต่อศก. ดันตลาดอสังหาฯ ในพื้นที่ EEC บูม

วันนี้ (18พ.ย. 2562) บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจ ที่ปรึกษาด้านการตลาดและสื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ได้จัดงานเสวนา “ชำแหละประกาศกรมศุลกากร E-Commerce  ใน EEC:  ผลกระทบภาคอสังหาฯ ไทย” โดยวิทยากรประกอบด้วย นายทัศไนย เหมือนเสน ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ JOBBKK.COM  หรือ E_JOB กรรมการบริษัท THAILAND BUSINESS CENTER (TeC) และอุปนายกสมาคมดิจิทัลไทย, ดร. เฉลิมรัฐ นาควิเชียร ประธานบริหาร GMO – Z.com NetDesign , นายปฐม อินทโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสยามไอซีโอ จำกัด และกรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย และนายกรณ์กวินท์  พีระเดชไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด (Chief Marketing Officer prop2morrow) ทั้งนี้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2562  เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกรมศุลกากร ที่ 204/2562 เรื่อง การปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ เขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ อี คอมเมิร์ซ (E-Commerce) ภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(Eastern Economic Corridor :EEC)

นายกรณ์กวินท์  พีระเดชไพศาล

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท พร็อพทูมอร์โรว์ จำกัด

นายกรณ์กวินท์  พีระเดชไพศาล กล่าวว่า ประกาศของกรมฯ ดังกล่าว ส่วนตัวมองเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลต้องการเพิ่มแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ ประเทศผ่านการลงทุนต่างๆ ของภาคเอกชนทั้งที่มาจากการลงทุนต่างประเทศและจากนักลงทุนภายในประเทศ หรือการมีโปรเจ็กต์หนึ่งที่มาจากการลงทุนทำให้เกิดการก่อสร้าง การจ้างงาน การสั่งสินค้า และการเกิดฟรีเทรดโซนใน EEC อาจเป็นโอกาสของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพราะพื้นที่ E Commerce Park นั้น ที่ประสบความสำเร็จในประเทศจีนซึ่งมีมากกว่าพันแห่งได้เป็นแหล่งกระจายรายได้ให้ชุมชน สินค้าหรือบริการเหล่านั้นให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น หลายรายเติบโตเป็นผู้ประกอบการระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Alibaba  Huawei  Oppo  Xiaomi เป็นต้น ต่างก็มีจุดเริ่มต้น จากการเป็น SME ใน E Commerce park เช่นเดียวกัน

ทั้งนี้หากพิจารณาการขยายการลงของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จากส่วนกลาง (กทม.) หรือจากผู้ประกอบการท้องถิ่นสะท้อนภาพได้ว่าอสังหาฯ ในพื้นที่ EEC เป็นทำเลที่มีอัตราการเติบโตในอัตราที่ดี โดยเฉพาะชลบุรีส่วนระยองเป็นทำเลศักยภาพ ขณะที่ฉะเชิงเทรามีโอกาสขยายตัวในอนาคต และน่าจับตามองมากหลังจากที่ Alibaba Group บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของประเทศจีนลงทุนก่อสร้างโครงการ Smart Digital Hubในพื้นที่ EEC มูลค่าลงทุน 11,000 ล้านบาทอสังหาริมทรัพย์เมื่อมีเม็ดเงินนับหมื่นล้านบาทเข้ามาในไทยก็จะเกิดการจ้างงานมากขึ้น การถ่ายโอนด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น โดยส่วนตัวมองเป็นเชิงบวกต่อประเทศไทยและเชิงบวกต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

นายทัศไนย เหมือนเสน 

กรรมการบริษัท Thailand eBusiness Center (TeC) และอุปนายกสมาคมดิจิทัลไทย

นายทัศไนย เหมือนเสน กล่าวว่า EEC เป็นการเปิดการค้าไทยกับต่างประเทศ และสร้าง e-Trade cross border possibility โดยเฉพาะจีน ถ้าเราเน้นเอาการลงทุนเอา Know-how ของเค้ามาเพื่อพัฒนาสินค้าและบริการเราให้ดีขึ้น เราเองก็มีโอกาสส่งออกไปต่างประเทศทั่วโลก ซึ่งจีนถือเป็นยุทธศาสตร์สำหรับ เป็นคู่ค้ากันมาระหว่างไทย-จีนอยู่ในอันดับที่ 14 กว่า 44-45 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน อีกทั้งจะสร้างงานหลายแสนหลายล้านอาชีพในเขตพื้นที่พิเศษ EEC นี้ สคิลด้าน Digital, e-Commerce, e-Business และ Technology คือสิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักในวันนี้ เพื่อที่จะเป็นแรงงานศักยภาพในอนาคต ทาง TeC หรือ Thailand e-Business Center ก็มองโอกาสในการไปสร้างสำนักงานบริษัทสาขาที่ 3 ใน EEC เพื่อช่วยสร้าง Future digital career, e-Commerce cross border to China, Practical training และสนับสนุนให้คนไทย ผู้ประกอบการไทย ผู้บริหารระดับสูง ใช้ประโยชน์จาก Case Study จีน และพัฒนาองค์กรไปสู่ Digital Technology transformation

นายปฐม อินทโรดม

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทสยามไอซีโอ จำกัด และกรรมการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย

นายปฐม อินทโรดม กล่าวว่า ประเทศไทยขาดดีมานด์ในการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นอาวุธหลักในการแข่งขันทางธุรกิจใน 1-2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีแผนธุรกิจทำสมาร์ทเนชั่น สมาร์ทซิตี้ ยกเครื่องระบบ โลจิสติกส์ ซัพพลายเชน ฯลฯ นั่นคือเขาต้องใช้ IOT, AI และเซ็นเซอร์อีกมากมายมหาศาล ซึ่งนั่นถือเป็น การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ทางออกของผู้ประกอบการไทยคือต้องเร่งพัฒนา Eco System ของตัวเองขึ้นมาด้วย โดยมองว่าหน่วยงานรัฐอย่างต้องร่วมมือกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ในขณะที่บริษัททั่วไปก็จำเป็นต้องมองหาโอกาสในธุรกิจจาก EEC ด้วยการเรียนรู้จากธุรกิจข้ามชาติโดยเฉพาะจีนที่เป็นกำลังสำคัญใน EEC ซึ่งมีความพร้อมทั้งในการบริหาร การจัดการ เงินทุน และเทคโนโลยี

สำหรับผลกระทบจากประกาศกรมศุลกากร ฉบับนี้ นายปฐม กล่าวให้ความเห็นว่า การปรับตัวของผู้ประกอบการ E-Commerce ไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย เน้นการค้าขายผ่านระบบ Social Commerce มักเคยชินอยู่กับการซื้อมา ขายไป ซึ่งไม่ก่อให้เกิดความเข้มแข็งในการทำธุรกิจในระยะยาว การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจด้วยการเร่งพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงใจลูกค้า โดยการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าอย่างเป็นระบบ รวมถึงการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองอย่าพึ่งพิงเจ้าของสินค้าจากจีนแต่เพียงอย่างเดียว เพราะแม้จะขายดีในวันนี้แต่เขาย่อมหาช่องทางขายตรงเข้าในประเทศไทยอย่างแน่นอนในอนาคต ทั้งนี้ผู้ที่ได้ประโยชน์จาก EEC จึงเปิดกว้างให้กับผู้ประกอบการชาวไทยได้ศึกษาเรียนรู้กระบวนการทำธุรกิจจากต่างชาติ และการทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่เกิดจากการขยายตัวของ EEC ไม่ว่าจะเป็นด้านโลจิสติกส์ เทคโนโลยี และอสังหาริมทรัพย์ที่ล้วนมีโอกาสใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นเดียวกัน

ดร. เฉลิมรัฐ นาควิเชียร

ประธานบริหาร  GMO - Zcom NetDesign

ขณะที่ดร. เฉลิมรัฐ นาควิเชียร ในเครือ GMO Internet Group ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น กล่าวให้ความเห็นว่า การที่หน่วยงานภาครัฐคือกรมศุลกากรได้ออกประกาศการปฏิบัติพิธีการศุลกากร ณ เขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  (E-Commerce) ในพื้นที่ EEC ถือว่าสอดคล้องและสนับสนุนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมในดิจิทัลแทนการพัฒนาอุตสาหกรรมพึ่งพาแบบดั้งเดิม  นอกจากนี้ ยังมองว่าการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานหลักด้านคมนาคมต่างๆ เพื่อเชื่อมการค้าและการลงทุนไปยังพื้นที่ EEC โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) ทำให้การขนส่ง และการเดินทางระหว่างจังหวัดสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดต้นทุนและลดระยะเวลา เป็นการกระจายความเจริญไปสู่เมืองต่างๆ  ประโยชน์ที่ได้รับนั้นนอกจากจะเป็นการกระจายความเจริญไปสู่พื้นที่รอบนอกมากขึ้นแทนการจะกระจุกตัวเฉพาะในเมืองเหมือนในอดีตแล้ว ยังส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการผลิต (Productivity) ก็จะมีความสำเร็จตามมาทั้งปริมาณและคุณภาพ

พร้อมกันนี้ ดร. เฉลิมรัฐ ยังกล่าวให้ความเห็นด้วยว่า  นอกจากความสะดวกสบายด้านการคมนาคมแล้ว สิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรต่างๆ ก็มีส่วนสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งต้องยอมรับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา การเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจขอประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) ซึ่งการที่รัฐบาลให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีต่างๆ เช่น การยกเว้นภาษีนำเข้า ถือว่าเป็นมาตรการกระตุ้นการลงทุนให้เกิดขึ้น ผลตามมาก็คือ เป็นการสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในพื้นที่หรือในชุมชน รวมถึงได้แรงงานเชี่ยวชาญจากต่างชาติ ซึ่งคนไทยเองก็ต้องเรียนรู้ประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญจากการลงทุนของต่างชาติด้วย ภาครัฐ หรือ ภาควิชาการ หรือมหาวิทยาลัยในพื้นที่นั้นก็ต้องผลิตหรือสร้างบุคคลากรเพื่อรองรับภาคธุรกิจต่างๆ ด้วยเช่นกัน และการที่ต่างชาติเข้ามาทำงานในไทยหรือเกิดการว่าจ้างแรงงานขึ้นในพื้นที่ใดก็ตาม ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยก็ตามมาด้วยเช่นกัน

“กลุ่มนักลงทุนญี่ปุ่นถ้ามองเห็นโอกาสเขามาลงทุนอยู่แล้ว และที่มาลงทุนในไทยเขาต้องการลงทุนระยะยาว ธุรกิจดิจิทัลจะให้ความสำคัญ infrastructure เป็นหลัก และการลงทุนในธุรกิจดิจิทัลนั้นไม่จำเป็นว่าผลิตซอร์ฟแวร์มาแล้วจะขายเฉพาะประเทศนั้นๆ” ดร. เฉลิมรัฐ กล่าวพร้อมระบุว่า GMO Internet Group ได้เข้ามาลงทุนในไทย   ใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท มีเป้าหมายใช้ประเทศไทยเป็นไปฐานในการผลิตซัพพอร์ตไปทั่วภูมิภาคเซาท์อีสต์ เอเชีย ที่มีประชากรรวมกัน 600-700 ล้านคน 

19 พฤศจิกายน 2562


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai