แคปปิตอล จีฯปักหมุดคอนโดฯใหม่รับรถไฟฟ้าสีส้ม “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9”

“พระราม 9- รามคำแหง” นับวันจะยิ่งฉายภาพ “ทำเลทอง” เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยมีปัจจัยหลายอย่างสนับสนุนทั้งจากการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตะวันออก)ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์)  รวมระยะทาง 22.57 กม. มีจำนวนสถานีรถไฟฟ้าแบบใต้ดิน จำนวน 10 สถานี และแบบยกระดับ จำนวน 7 สถานี ที่ความก้าวหน้าของงานก่อสร้างอยู่ที่ 27 % ณ สิ้นเดือนมกราคม 2561 มีกำหนดเปิดบริการในปี 2566 รวมถึง การลงทุนรีโนเวทเดอะมอลล์ รามคำแหง 2 (ฝั่งมุ่งหน้ามาแยกพระราม 9-รามคำแหง)  ของบริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ที่อยู่ระหว่างปรับโฉมใหม่ ให้กลายเป็น “มิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์” รับรถไฟฟ้าสายสีส้ม  บนที่ดินกว่า 30 ไร่ ที่คาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 2-3 ปี  ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้รามคำแหง และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นทำเลที่ร้อนแรงเป็นอย่างมากขึ้น

แคปปิตอล จี รุกเปิดโครงการ7 มอง LTV ไม่กระทบ

บรรดาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งขนาดกลาง – ใหญ่ได้แห่ชิงพื้นที่เปิดโครงการใหม่เพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้กับทำเล “พระราม9 – รามคำแหง” โดยหนึ่งในผู้ประกอบการที่ปักหมุดผุดโครงการคอนโดมิเนียมนั่นก็คือ บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Capital G Development Co. Ltd.) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท มีนบุรีซีเมนต์ไทย จำกัด ที่ล่าสุดได้เปิดตัว “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” บนพื้นที่โครงการ 3-3-24 ไร่  พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวน 536 ยูนิต แบ่งเป็น อาคาร A จำนวน 105 ยูนิต , อาคาร B จำนวน 216 ยูนิต และ อาคาร C จำนวน  215 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564

นายชัยรัตน์ พิรุฬหพัสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า หลังจบการศึกษาด้านวิศวกรรมโยธาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง ตนไปศึกษาต่อด้านบริหารที่สหรัฐอเมริกา และกลับมาช่วยงานธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างของครอบครัว ต่อมาหันไปทำธุรกิจก่อสร้างกับเพื่อน  และในช่วงปี 2551-2552 มองเห็นโอกาสคอนโดมิเนียมค่อนข้างบูม ผลจากรถไฟฟ้าเริ่มมา โดยมองว่า ลูกค้ามี 2 กลุ่มคือ กลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและกลุ่มนักลงทุน ซึ่งผู้ประกอบการค่อนข้างกลัวกลุ่มนักลงทุน แต่ตนมองว่า กลุ่มนักลงทุนยังแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มซื้อเพื่อลงทุนจริง ๆ และกลุ่มเก็งกำไรคือ ซื้อเพื่อขายต่อ  ผู้ประกอบการกลัว 2 กลุ่มนี้

 “เรามองเห็นตลาดในโซนเอแบค-บางนา ผู้ประกอบการกลัวกลุ่มนักลงทุน แต่เรามองว่า กลุ่มนักลงทุนตัวจริงมีเยอะ ไม่ใช่ซื้อเพื่อเก็งกำไรอย่างเดียว แต่ซื้อเพื่อลงทุนในระยะยาว จึงเปิดโครงการแรกขึ้นที่โซนเอแบค-บางนา The Avenue @10 (ดิ อเวนิว แอท เท็น) และเปิดในโซนนี้รวม 4 โครงการ, มี ไอ-ลอฟ @ บางแสนแถวมหาวิทยาลัยบูรพา , ตามด้วยโครงการ เอสตาเบ พหลโยธิน 18 (Estabe Phahonyothin 18) แถวอินเตอร์เชนจ์ ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองแห่งแรก และทำให้มองเห็นว่า ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์หรือผู้อยู่อาศัยจริง จึงเป็นที่มาของโครงการล่าสุด “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9”  เป็นโครงการที่7”

นายชัยรัตน์ ยังมองว่า  มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value หรือ LTV) ของภาครัฐ ไม่น่าส่งผลกระทบมากนัก โดยอาจกระทบต่อคนซื้อบ้านหลังที่2 หรือกลุ่มนักลงทุนทำให้หดตัวลงเล็กน้อย   ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนั้น มองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างเป็นนัยะสำคัญ  ปีนี้ไม่น่าจะขึ้นเกิน 0.25% และระยะยาวมองว่า จะทรงตัว  ดังนั้นจะไม่กระทบกับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการซื้ออยู่อาศัยจริงมาก นอกจากนี้ธนาคารมักจะมีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 3 ปี เฉลี่ย3% หลังจากนี้ยังให้รีไฟแนนซ์ได้อีก

คอนโดฯ สไตล์ “Modern Luxury Resort”

สำหรับ “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” เป็นคอนโดฯ สไตล์ “Modern Luxury Resort” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ Sense of Nature.. Life is Signature : ออกแบบชีวิต ..ใกล้ชิดธรรมชาติ” โครงการเน้นพื้นที่ส่วนตัว ที่เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์คนเมือง ผสมผสานการออกแบบที่ทันสมัย รู้ใจคนรุ่นใหม่ สอดคล้องไปกับพื้นที่สีเขียวให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แม้อยู่กลางใจเมืองเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่  Work Hard Play Hard ที่มีความเป็นตัวเอง อายุประมาณ 28-40 ปี ระดับรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน

เพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โครงการได้ออกแบบให้มีขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 22-44 ตารางเมตร (ตร.ม.) แบ่งเป็น Units Type ดังนี้

• Studio suite ขนาดพื้นที่ 22 ตารางเมตร จำนวน 145 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 27%

• 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ 27 ตารางเมตร จำนวน 56 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 10%

• 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ 29 ตารางเมตร จำนวน 258 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 48 %

• 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 35 ตารางเมตร จำนวน 49 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 9 %

• 2 Bedroom  ขนาดพื้นที่ 44 ตารางเมตร จำนวน 28 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 5 %

จุดเด่นของโครงการ

1. เน้นพื้นที่สีเขียวมากเป็นพิเศษ

2. “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” ยังตั้งอยู่ Prime Location สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ 2 เส้นทาง ทั้ง ถ.พระราม 9 (แยกซ. 39) และ ถ.รามคำแหง ซ.12 โครงการห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีรามคำแหง 12 เพียง 150 ม. เท่านั้น

3.เดินทางสะดวก เพราะอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ  ใกล้ Airport Link ทางด่วนศรีรัช และทางด่วนฉลองรัช และยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD: Central Business District) ได้หลายเส้นทางไม่ว่า ถนนพระราม 9 ทองหล่อ พัฒนาการและถนนรัชดาภิเษก   อีกทั้งยังเดินทางสะดวกสบายด้วยรถยนต์สาธารณะและทางเรือ(ท่าเดอะมอลล์รามฯ) 

4.รายล้อมด้วยแหล่งสาธารณูปโภค มหาวิทยาลัยชั้นนำ โรงพยาบาลและใกล้แหล่ง Lifestyle Shopping Mall และ Cafe สุดชิค! มากมาย อาทิ เดอะ มอลล์ รามคำแหง, เดอะมอลล์บางกะปิ, บิ๊กซี, เดอะไนท์ พระราม 9 และ ฟู๊ดส์แลนด์ รามคำแหง เป็นต้น ลงจากรถไฟฟ้าแล้วสามารถไปช้อปปิ้งต่อได้เลย

5.มีจำนวนยูนิตสะสมในพื้นที่ค่อนข้างต่ำ จึงน่าจะได้รับความสนใจ

นอกเหนือจากนั้น นายชัยรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9”  ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบ Function ให้ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง  โดดเด่นด้วยครัวไทยแยกสัดส่วนใช้งานได้จริง  ขายแบบ  Fully Furnished  ตอบโจทย์การใช้ชีวิต พร้อมกับ Facilities ที่จัดเต็ม อาทิ Relaxing Swimming Pool & Greenery Garden ,The GYM & Multi-Purpose Area , Duplex Lobby Lounge & Co-Working Space, Private Lobby Lounge , Private Meeting Area & Mini Theater  ,Fitness , Sky Garden และ Carwash zone ฯลฯ

ด้วยศักยภาพของทำเลและโปรดักส์ดีไซน์ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด รวมถึงส่วนกลางจัดเต็มเพื่อในวันนี้และความยั่งยืนในอนาคต เรียกได้ว่า รองรับทุกไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ทั้งคนสายชิลล์และคนที่เน้นกิจกรรม  

ด้านนายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ  บริษัท ฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ เปิดเผยถึง ภาพรวมพื้นที่ตามแนวถนนพระราม 9 ช่วงรอบๆ แยกถนนพระราม 9 และถนนรามคำแหงว่า มีการเปลี่ยนแปลงขยายตัวของเมืองอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมา เมื่อมีผู้ประกอบการโครงการคอนโดมิเนียมเข้าไปเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้นอย่างชัดเจนจากโครงการขนาดใหญ่ของผู้ประกอบการรายใหญ่ แม้ก่อนหน้านี้มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายบ้างแล้วก็ตาม โดยเริ่มเปิดมากขึ้นในช่วงปีพ.ศ.2553 – 2555 หลังจากเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ๊งค์เปิดให้บริการในปีพ.ศ.2553 แม้ว่าจะเป็นเส้นทางรถไฟฟ้าที่วิ่งเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิกับเมืองชั้นใน แต่หลายสถานีที่อยู่ในเขตชุมชนก็สร้างความตื่นตัวให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระดับหนึ่ง เพราะช่วยอำนวยความสะดวกให้คนจากพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ๊งค์ให้สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก

ปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมา เมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มมีความชัดเจนและเริ่มการก่อสร้างเป็นรูปธรรมในปีพ.ศ.2560 เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มจึงเป็นอีกปัจจัยหลักที่มีผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่เกิดการขยายตัว โดยในช่วงปีพ.ศ.2559 – 2560 มีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากถึง 5,631 ยูนิตคิดเป็น 41% ของจำนวนคอนโดมิเนียมทั้งหมดที่เปิดขายมาตั้งแต่อดีตถึงปีพ.ศ.2561 โดยคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่สะสมในพื้นที่จนถึงช่วงต้นปีพ.ศ.2562 มีทั้งหมดประมาณ 13,855 ยูนิต ส่วนพื้นที่รอบสถานีรถไฟฟ้าสายสีส้มอื่น ๆ อีกหลายสถานีก็มีผู้ประกอบการเข้าไปเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น เช่นกัน ดังที่ สถานีหัวหมาก และลำสาลี เป็นต้น

ทั้งนี้คอนโดมิเนียมสะสมในพื้นที่พระราม 9 – รามคำแหงทั้งหมด 13,855 ยูนิตมีอัตราการขายอยู่ที่ประมาณ 96% มียูนิตเหลือขายไม่มากนัก เพราะมีโครงการเปิดขายใหม่ลดลงในปีพ.ศ.2561 และปีพ.ศ.2562 ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนน้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ เพราะมีที่ดินเหลือพัฒนาน้อยลง จึงมีผลทำให้ผู้ประกอบการเลือกซื้อที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ตามแนวถนนเพชรบุรี พระราม 9 เรื่อยไปถึงถนนพระราม 9 ตัดใหม่ ถนนรามคำแหง และถนนพัฒนาการรวมไปถึงซอยสุขุมวิท 71 ที่เชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรีเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม

สำหรับราคาขายของคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในพื้นที่นี้ก็มีราคาขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีก่อนหน้านี้เช่นกัน โดยมีอัตราการปรับเพิ่มขึ้นของราคาขายอยู่ที่ประมาณ 9% ต่อปี ราคาขายเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในพื้นที่ ณ ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 81,000 บาทต่อตารางเมตร  โดยราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่มีการปรับเพิ่มขึ้นแบบชัดเจนตั้งแต่ปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมาเพราะมีบางโครงการที่เปิดขายในราคามากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร และหลายโครงการเปิดขายในราคามากกว่า 90,000 บาทต่อตารางเมตร

ซึ่งมากกว่าโครงการที่เปิดขายก่อนหน้านี้ค่อนข้างมากเพราะอิทธิพลของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกที่มีผลต่อราคาที่ดินมากกว่าเส้นทางรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ๊งค์ เนื่องจากราคาที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มตั้งแต่ปีพ.ศ.2559 เป็นต้นมามีการปรับเพิ่มขึ้นไปไม่น้อยกว่า 30–50% โดยราคาที่ดินตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสีส้มตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) มีราคาตั้งแต่ 200,000 – 1,000,000 บาทต่อตารางวา

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มไม่เพียงแต่มีผลต่อราคาที่ดิน และตลาดคอนโดมิเนียมเท่านั้น แต่มีผลต่อเนื่องกับพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าด้วย อาทิ ศูนย์การค้าดั้งเดิมในพื้นที่ที่เปิดให้บริการมามากกว่า 30 ปีบนถนนรามคำแหงก็มีการปิดให้บริการเพื่อก่อสร้างใหม่เป็น “โครงการมิกซ์-ยูส” ขนาดใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นจากเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม

 

นอกจากนี้อาคารพาณิชย์หรือที่ดินที่ยังใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่และไม่สอดคล้องกับราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็มีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่พื้นที่ตั้งแต่แยกคลองตันไปตามแนวถนนรามคำแหงมีการใช้ประโยชน์เป็นสถานศึกษา สนามกีฬา และอาคารรูปแบบต่างๆ ไปเต็มพื้นที่แล้ว ดังนั้น พื้นที่ตามแนวถนนอื่นๆ ที่ไม่ไกลจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มจึงได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการที่ต้องการที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรแต่โครงการคอนโดมิเนียมจะอยู่ไม่ไกลจากแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกมากกว่าโครงการบ้านจัดสรรทีอาจจะอยู่ในแนวพื้นที่ตามแนวถนนพัฒนาการ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่แทน 

เล็งเปิดอีกโครงการ Q3

นอกจาก “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9” แล้ว แคปปิตอล จีฯ ยังไม่หยุดนิ่ง ยังเล็งเปิดตัวอีกโครงการช่วงไตรมาสที่ 3 มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท  อีกทั้งมีโครงการแนวราบเปิดตัวช่วงสิ้นปี 2563 เป็นโครงการบ้านราคาขนาด 2-3 ล้านและบ้านหรูราคา 10 ล้านบาทขึ้้นไป และภายใน 3-4 ปีตั้งเป้าสร้างรายได้เป็นมูลค่ามากถึง 6,000-7,000 ล้านบาทเพื่อปูทางสู่ตลาดหลักทรัพย์ MAI  ต่อไป

สำหรับใครที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยคอนโดมิเนียมสวยงาม สะดวกสบายใกล้ชิดธรรมชาติ อย่าง “โครงการ Monté (มอนเต้) พระราม 9”  รออีกไม่นาน คงต้องรีบมาชมห้องตัวอย่างหรือจับจองก่อนใคร ซึ่งแคปปิตอล จีฯ จะ เปิดรอบVIP Day  ในวันที่ 30 มีนาคม 2562 รับส่วนลด 200,000 บาท 

โดยผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าชมห้องตัวอย่าง ที่http://www.cg.co.th/monterama9 โทร. : 099-164-6888 หรือ Line ID : @MonteRama9

21 มีนาคม 2562


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai