วช. หนุนนวัตกรรมเครื่องเป่าเพื่อจำแนกผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากลมหายใจ กับการพัฒนาต่อยอดสู่การแสดงผล CT (Cycle Threshold) เทียบเคียงการตรวจ RT-PCR

นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ กล่าวว่า จากความร่วมมือแบบบูรณาการความเชี่ยวชาญของทีมวิจัยที่มาจากหลายหน่วยงาน ที่ประกอบด้วย สมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ  โรงพยาบาลราชวิถี มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชน โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและ นวัตกรรม ในการพัฒนาระบบเครื่องตรวจคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดยใช้ลมหายใจ ถือว่าเป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ในการตรวจคัดกรองผู้ป่วยฯ ที่ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องแยงจมูก ไม่ต้องเจาะเลือด และไม่ต้องใช้น้ำลาย ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นวิธีที่มีความไว(Sensitivity) และความจำเพาะ (specificity) สูง สามารถรู้ผลตรวจได้ภายใน 5 นาที ทำให้สามารถทำการคัดแยกผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อให้ออกมาได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทันท่วงที และลดโอกาสในการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในวงกว้างได้

การเกิดนวัตกรรมนี้ส่งผลให้เกิดการสร้างความก้าวหน้าของการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านเครื่องมือแพทย์ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามในกระบวนการพัฒนาของทีมวิจัยไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ ทางทีมวิจัยได้เดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการสร้างเทคโนโลยีให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นที่สำคัญ จนทำให้นวัตกรรมดังกล่าวสามารถประมาณการณ์ “ค่า CT (Cycle Threshold)” ที่บ่งบอกถึงปริมาณเชื้อไวรัสในผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่เทียบเคียงการตรวจแบบ RT-PCR ซึ่ง มีความไว (Sensitivity) และความจำเพาะ (Specificity) ที่สูง ด้วยการไม่หยุดนิ่งของทีมวิจัยจึงยังคงคิดและพัฒนาเพื่อให้เกิดการต่อยอดของนวัตกรรมการตรวจคัดกรองโรคโดยใช้ลมหายใจ เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับวงการเทคโนโลยีด้านเครื่องมือแพทย์ของประเทศไทยต่อไป

รศ.(พิเศษ) นพ.สถิตย์ นิรมิตมหาปัญญา นายแพทย์เชี่ยวชาญ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า จากการวิจัยอย่างต่อเนื่องและการเก็บรวบรวมข้อมูลของอาสาสมัครที่เข้าร่วมโครงการวิจัยทั้งหมดมากกว่า 3,000 ตัวอย่าง ส่งผลให้ทางทีมวิจัยสามารถพัฒนา นวัตกรรมเครื่องตรวจคัดกรองผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 โดยใช้ลมหายใจ จนสามารถประมาณการณ์ “ค่า CT (Cycle Threshold)” ในผู้ป่วยติดเชื้อโควิดได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นความก้าวหน้าของโครงการวิจัยที่สำคัญและมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อวงการแพทย์ โดยเฉพาะการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีความจำเป็นต้องผ่าตัดหรือการรักษาอย่างเร่งด่วน แต่มีความจำเป็นต้องรู้ถึง “ปริมาณเชื้อไวรัสในผู้ป่วยติดเชื้อโควิด หรือ ค่า CT” เพื่อได้รับการประเมิณความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อโควิดก่อนเข้าสู่ขั้นตอนของการรักษาของบุคลากรทางการแพทย์ 

แต่ว่าการที่จะรู้ถึงค่า CT นั้นต้องรอผลการตรวจด้วยวิธี RT-PCR เท่านั้น ที่ใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพราะฉะนั้นความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมให้รองรับการรักษาอย่างทันท่วงทีจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการรักษาผู้ป่วยในภาวะวิกฤติ หรือผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นอย่างมาก รวมถึงผล CT ยังสามารถใช้จำแนกผู้ป่วยในการติดเชื้อ และส่งผลไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้อย่างดี ดังนั้นค่า CT ที่แตกต่างกันจะสามารถจำแนกลักษณะการติดเชื้อของผู้ป่วยในระดับต่าง ๆ ได้ สามารถทำให้แพทย์สามารถตัดสินใจในการรักษาพยาบาล รวมถึงทำให้เกิดความแม่นยำในการจ่ายยา การรักษาที่ถูกต้องรัดกุม ซึ่งประเทศไทยน่าจะเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีการใช้ค่า CT ในการจำแนกผู้ป่วยในระดับต่าง ๆ ทำให้เราสามารถควบคุมโรคได้ดีในระดับต้น ๆ ของโลก

ดร.เธียร์สิทธิ์ นาสัมพันธ์ นักวิจัยหลังปริญญาเอก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากนวัตกรรมที่มีเทคโนโลยีก๊าซเซ็นเซอร์ที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นหลายเท่า ทำให้เครื่องสามารถนำมาตรวจวัดสารระเหยอินทรีย์หรือกลิ่นที่เป็นสารไบโอมาร์กเกอร์จากลมหายใจ ที่สามารถจดจำและจำแนกกลิ่นที่แตกต่างกันระหว่างคนที่ติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อโควิดได้ และยังได้มีการนำระบบแมชชีนเลิร์นนิ่ง ร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์(AI) เข้ามาใช้ในการประมวลผล เพื่อทำให้สามารถวิเคราะห์และตรวจคัดกรองได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยปัจจุบันประสิทธิภาพในการตรวจวัดของเครื่อง มีความถูกต้อง (Accuracy) ที่ 96.2% และความแม่นยำ (Precision) ที่ 96.4% และมีความไว (Sensitivity) และความจำเพาะ (Specificity) ที่ 96.1 และ 96.4% ตามลำดับ และนอกจากนั้นแล้วจุดเด่นของนวัตกรรมที่ได้ถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการแสดงผลค่า CT เทียบเคียงการตรวจ RT-PCR ได้ถึง 5 ระดับ เพื่อใช้ประเมินระดับความเสี่ยงและโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากการพัฒนาค่า ct แล้วยังมีการยกระดับเครื่องให้ใช้งานได้แบบครบวงจรมากขึ้นคือการเชื่อมระบบให้สามารถสแกนพาสปอตร์และบัตรประชาชนแล้วเป่าลมใส่ถุงตรวจ พอเครื่องอ่านค่าเสร็จก็ปริ้นผลเป็นสลิปออกมา ซึ่งจะมี 2 รุ่นคือแบบกระเป๋าหิ้วและแบบตั้งพื้นคีออสต์ในอนาคตทางทีมวิจัยได้ใช้การศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวไปต่อยอดเครื่องมือนี้ไปใช้ตรวจโรคอื่นๆจากลมหายใจได้ เช่น วัณโรค มะเร็งปอด และสารเสพย์ติด เป็นต้น

12 ธันวาคม 2565


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai