ตามรอยเส้นทางสายไหม สู่แหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดกิจกรรม “เส้นทางสายไหมสู่เมืองรอง” เพื่อผลักดันและส่งเสริมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมของไทยให้เป็นที่ยอมรับในตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเชื่อมโยงเรื่องราวของผ้าไหมไว้ในเส้นทางท่องเที่ยวเมืองรอง

ระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดกิจกรรม “เส้นทางสายไหม…สู่เมืองรอง” นำสื่อมวลชนและบล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยวลงพื้นที่ในภาคเหนือไปยังจังหวัดพิจิตร จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี นับเป็นเส้นทางที่ 4 ของโครงการ เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด และสัมผัสเรื่องราวความเป็นมาของผ้าไหมไทยในแต่ละพื้นที่อย่างใกล้ชิด ซึ่งผ้าไหมของแต่ละที่นั้นล้วนมีอัตลักษณ์ความงดงาม และมีลวดลายอันวิจิตรบรรจง ที่ถ่ายทอดด้วยภูมิปัญญาเฉพาะถิ่นแตกต่างกันไป

เส้นทางสายไหมสู่เมืองรองที่หมายแรกจังหวัดพิจิตร แวะสัมผัสผ้ามัดหมี่ “ลายสายดอกแก้ว” เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของ กลุ่มทอผ้าบ้านห้วยแก้ว ต.ห้วยแก้ว อ.บึงนาราง จ.พิจิตร ที่สืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ และสืบสานกันมาจนถึงปัจจุบัน ชาวบ้านห้วยแก้วดั้งเดิมส่วนใหญ่ย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดทางภาคอีสาน ได้นำองค์ความรู้และภูมิปัญญาการทอผ้าที่มีอัตลักษณ์โดยการสร้างลวดลายและการย้อมสี เป็นการเอาเชือกมามัดด้ายตามลวดลายที่ได้ออกแบบไว้ มีการทำทั้งเส้นทางแนวยืน และแนวนอนหรือที่เรียกว่าแนวพุ่ง ต่อมาได้คิดค้นและพัฒนาต่อยอดลวดลายจนเกิด “ลายดอกบุนนาค” อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดพิจิตรอีกด้วย

จากนั้นไปเรียนรู้เรื่องราวผ้าไหมมัดหมี่ ของกลุ่มทอผ้าบ้านหนองพง ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง เป็นชาวไทยเชื้อสายพวน ย้ายถิ่นฐานมาจากทางภาคอีสาน นำเอาวัฒนธรรมการทอผ้าเพื่อ ใช้ในครัวเรือนมาสืบสานและพัฒนาต่อยอดเพื่อจำหน่าย โดยยังคงใช้ “กี่กระตุก” สร้างสรรค์เป็นผ้ามัดหมี่ “ลายต้นสน” ต่อมาได้เพิ่มลวดลายผ้าไหมให้สวยงามและแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น นอกจากผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่สวยงามแล้ว ที่นี่ยังนำเศษผ้าไหมที่ไม่ได้ใช้มาต่อยอดเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ สามารถซื้อเป็นของฝากกลับบ้านได้ในราคาที่ย่อมเยา

หลังจากนั้นเดินทางไป “วัดโพธิ์ประทับช้าง”  เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่และเป็นสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ชาติไทยที่มีอายุกว่า 300 ปี มีความงดงามของสถาปัตยกรรมสมัยพระพุทธเจ้าเสือ เป็นศิลปะแบบอยุธยา ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวพิจิตรและนักท่องเที่ยวต่างมาไหว้ และสักการะบูชา

ปิดท้ายด้วยการแวะไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติยามเย็นและความสงบร่มรื่นของ “บึงสีไฟ” ซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองพิจิตร “บึงสีไฟ” ถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งแรกของจังหวัดพิจิตร

ช่วงเช้าก่อนออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดนครสวรรค์ ทางคณะสื่อมวลชนได้เดินทางแวะไปกราบไหว้สักการะหลวงพ่อเพชร ณ วัดท่าหลวง (พระอารามหลวง) สิ่งศักดิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิจิตร และยังเป็นสถานที่สำคัญในการจัดแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เดินทางเข้าสู่เส้นทางสายไหมสู่เมืองรองจังหวัดนครสวรรค์ แวะชมพระจุฬามณีเจดีย์ที่ “วัดคีรีวงศ์” องค์มหาเจดีย์ขนาดใหญ่สีทองเหลืองอร่ามตั้งอยู่บนยอดเขา นอกจากจะมีพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญถึง 4 องค์แล้ว เมื่อขึ้นไปถึงฐานพระเจดีย์ชั้น 4 จะมองเห็นภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองนครสวรรค์อีกด้วย

และไปเช็คอินกันต่อที่ “พาสาน” สัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา จุดชมวิวสุดชิลล์แห่งใหม่ของปากน้ำโพ ตั้งอยู่บริเวณแหลมเกาะยม จุดบรรจบแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ชื่อ “พาสาน” มีที่มาจากคำว่า “ผสาน” คือ การพาคนเข้าไปสานให้เกิดการผสมผสานกันระหว่าง คน สถานที่ และสภาพแวดล้อม

จากนั้นแวะมาทำความรู้จักกับผ้าไหมทัศน์ทอง ของ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าไหมบ้านชุมตาบง” ต.ชุมตาบง อ.ชุมตาบง จ.นครสวรรค์ เป็นผ้าไหมที่งดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นการผลิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้ทรัพยากรที่มีในชุมชน และแบ่งผลกำไรเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรในท้องถิ่นจนได้รับมาตรฐาน Bio Economy, นกยูงพระราชทานสีเงิน-สีน้ำเงิน, รางวัล Smart SME จังหวัดนครสวรรค์, ภูมิปัญญาไหมไทย จังหวัดนครสวรรค์, และ หมู่บ้านหัตถกรรมดีเด่น หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ปีพ.ศ.2561 ถือว่าเป็นผ้าไหมที่ทรงคุณค่าและอนุรักษ์ภูมิปัญญาพื้นบ้านอย่างแท้จริง ทั้งยังนำรังไหมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำมาจากโปรตีนไหม ให้สาว ๆ ได้เลือกซื้อเลือกหาติดไม้ติดมือกลับบ้านไปกันด้วย

จากนั้นแวะผ่อนคลายกันที่ “จุดชมวิวบ้านชายเขา” ตั้งอยู่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ซึ่งจะได้พบกับความสวยงามท่ามกลางหุบเขา ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหินปูน เขาปลาร้า และหุบป่าตาด เป็นจุดที่ให้นักท่องเที่ยวได้ไปถ่ายรูป ชิค ๆ ชิลล์ ๆ ในวิวแบบสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย แถมบริเวณใกล้ๆ ยังมีที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยวมีให้เลือกทั้งโฮมสเตย์และรีสอร์ทอีกด้วย

เส้นทางสายไหมสู่เมืองรองที่สุดท้ายจังหวัดอุทัยธานี ช่วงเช้าแวะไปทำบุญสักการะรอยพระพุทธบาทจำลองที่ “วัดถ้ำเขาวง” ตั้งอยู่ที่ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เป็นธรรมสถานเพื่อการปฏิบัติธรรมที่อยู่บนเชิงเขา ลักษณะเป็นศาลาทรงไทยประยุกต์ 4 ชั้น สร้างด้วยไม้สัก ไม้มะค่า ซึ่งอยู่ห่างจากอ.เมืองอุทัยธานี ไม่ไกลนัก บรรยากาศโดยรอบสงบร่มเย็น รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่และขุนเขา เหมาะกับการมานั่งสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด

จากนั้นแวะชมผ้าไหมทอจก ของกลุ่มทอผ้าบ้านบึง ต.บ้านบึง อ.บ้านไร่ ผ้าไหมมัดหมี่ทอกี่พื้นเมืองต่อตีนจกลายโบราณ เป็นลายที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นซึ่งได้สืบทอดภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษ รังสรรค์ขึ้นจากจินตนาการที่อยู่รอบ ๆ ตัวของผู้ถักทอ ได้มีการรวมกลุ่มทอผ้ากันหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มมีการพัฒนาจุดเด่นของผ้าทอให้มีความแตกต่างกันออกไป โดยยังคงอัตลักษณ์ความเป็นพื้นถิ่นเหมือนในอดีตเอาไว้ ทำให้ผ้าทอของที่นี่ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น

ปิดท้ายมาสัมผัสผ้าไหมมัดหมี่ต่อจกของ กลุ่มทอผ้าลายโบราณบ้านภูจวง ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ เป็นผ้าทอมือของชาติพันธุ์ลาวเวียงลาวครั่งแห่งจังหวัดอุทัยธานี จุดเด่นของผ้าไหมมัดหมี่ที่นี่คือการย้อมคราม ด้วยสีจากวัตถุดิบธรรมชาติที่มีในท้องถิ่น ต่อมาได้ประยุกต์การย้อมสีกับเทคนิคสมัยใหม่ เพื่อให้ได้สีที่ติดทนนาน สีสันสวยงาม และดูมีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากนั้นยังได้สัมผัสกับความน่ารักของคุณแม่ คุณยาย ที่ได้ทำขนมพื้นถิ่นที่เรียกว่า “ขนมซั๊ว” มาให้ได้ชิมกันอีกด้วย

 

จากเส้นทางสายไหม…สู่เมืองรอง ทั้งจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี  ในครั้งนี้  นางลลิดา  จิวะนันทประวัติ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้ผ้าไหมไทย พร้อมพัฒนาผู้ประกอบการให้ก้าวทันโลกสมัยใหม่ ต่อยอดผ้าไหมไทยให้มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เกิดมูลค่าเพิ่ม สอดคล้องกับความต้องการของตลาด แต่คงไว้ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นอันทรงคุณค่า โดยสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเมืองรอง ภายใต้โครงการยกระดับการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าไหมสู่แหล่งท่องเที่ยว โดยให้สื่อมวลชนและบล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยว เป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความประทับใจที่ได้พบเห็นและได้สัมผัสด้วยตนเอง สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของผ้าไหมไทยมากยิ่งขึ้น

#กรมพัฒนาธุรกิจการค้า #กระทรวงพาณิชย์ #DBD

#ThaiSilkRoute #เส้นทางสายไหมสู่เมืองรอง

กลุ่มทอผ้าบ้านห้วยแก้ว

คุณราตรี กองทรัพย์

199 หมู่ 1 ต.ห้วยแก้ว อ.บึงนาราง จ.พิจิตร 66130

โทร. 081-533-6804

กลุ่มทอผ้าบ้านหนองพง

คุณดารณี วงศ์สวัสดิ์

282/1 หมู่ 17 ต.ทุ่งใหญ่ อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร 66190

โทร. 088-817-2516

วิสาหกิจชุมชนกลุ่มทอผ้าไหมบ้านชุมตาบง

คุณชนิดา โวโลดีน

43 หมู่ 8 ต.ชุมตาบง อ.ชุมตาบง จ.นครสวรรค์ 60150

โทร. 081-043-8983

กลุ่มทอผ้าบ้านบึง

คุณศรีนิน จันทรักษ์

73 หมู่ 1 ต.บ้านบึง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี 61140

โทร. 081-785-6070

กลุ่มทอผ้าลายโบราณบ้านภูจวง

คุณนิทัศน์ จันทร

128 หมู่ 14 ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี 61140

โทร. 089-959-9460

16 ธันวาคม 2562


บริษัท มีเดีย เน็ทเวิร์ค จำกัด
138, 140 ซอยอนามัย ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
MEDIA NETWORK Co.,Ltd
138, 140 Soi Anamai Srinakarin Road Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Tel. 02 721 4417 Fax. 02 721 5516
E-mail : phototechthailand@gmail.com


ติดต่อโฆษณาหรือข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 02 721 4417 , 097 921 2929 คุณขวัญ

แฟนเพจ Phototech Magazine


ออกแบบโดย touronthai